วันที่ 19 เมษายน 2553 หลังจากงานศพเปา (พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม) พวกเราได้ร่วมรับประทานอาหารที่ สทร.ท่า ช้าง โดยในงานครั้งนี้งดดนตรี เพื่อไว้อาลัยแด่เพื่อนเปาของเรา ทำให้ผู้การเว้วซึ่งปกติต้องนั่งกดคีย์บอร์ดขับกล่อมพวกเราเสมอๆ ได้มีโอกาสมานั่งจิบสุรานินทานายกันบ้าง ขณะพูดคุยกันออกรสชาติอยู่นั้น ก็มีข่าวร้ายสู่รุ่นของเรา นตท.25 ดอกประดู่โรยอีกหนึ่งแล้ว เมื่อผู้การกบ แจ้งว่าเพื่อนโป่ง(น.อ.อรรถสิทธิ์ เทพวัลย์) ได้เสียชีวิตแล้ว ที่โรงพยาบาล ด้วยโรคหัวใจ
คิด ดูซิครับ เพิ่งจะเสร็จจากงานศพเพื่อนไปคนหนึ่ง นี่ต้องมาเสียใจกันอีกแล้ว เหมือนที่คนโบราณเขาว่าไว้ ไม่มีใครรู้วันตาย หากยังมีชีวิตอยู่ก็หมั่นทำบุญ ทำทานเพื่อเป็นการไม่ประมาทในชีวิต อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้ วัยของพวกเรา ก็กว่าครึ่งชีวิตมนุษย์แล้ว(ปัจจุบันอายุเฉลี่ยคนเราอยู่ประมาณ 70-80 ปี) ความไม่แน่นอนมีอยู่ตลอดเวลา วันนี้ผมเป็นคนเขียนคำอาลัยให้เพื่อนๆที่จากไป ไม่รู้วันไหน ผมจะได้รับเกียรติเป็นผู้ถูกกล่าวถึงบ้าง ก็ไม่เป็นไรครับ ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
พูด ถึงเพื่อนโป่งเท่าที่ผมจำได้จะเป็นคนสุภาพมาก ทั้งคำพูดและกริยามารยาท ซึ่งโดยมาตรฐานของเหล่าทหารเรือ จะสุภาพอยู่แล้ว แต่โป่งเป็นคนสุภาพเรียบร้อยเหนือมาตรฐานชาวนาวีไปอีก ความมีน้ำใจของโป่งเท่าที่ผมจำได้มีโอกาสพบกัน โป่งจะถามสารทุกข์สุกดิบของผมเสมอ แม้ในวันที่ผมประสบมรสุมชีวิต ต้องติดคุกติดตาราง เมื่อออกมาได้มีโอกาสพบกับโป่ง โป่งก็ถามไถ่และให้กำลังใจตลอด แสดงว่านอกจากเป็นคนสุภาพภายนอกแล้ว โป่งยังเป็นคนที่มีจิตใจดีจากภายในอีกด้วย
ในวันนี้ (28 เมษายน 2553) ผมและเพื่อนอีกหลายคนคงได้ไปส่งเพื่อนเดินทางสู่สรวงสวรรค์ ไปเจอกับเพื่อนๆ เราหลายคนที่ไปคอยอยู่ล่วงหน้าแล้ว ขอให้ดอกประดู่ของเพื่อนเบ่งบานสวยงามในทิพย์วิมาน ท่ามกลางเทพบุตร เทพธิดา ทั้งหลายตลอดไป
ด้วยความอาลัย
พันโท หิมาลัย ผิวพรรณ